เงินทุนร้านชาบูเสียบไม้
พูดถึงการเตรียมตัวหลักๆ ในการเปิดร้าน ชาบูเสียบไม้ ไปแล้ว แต่เนื่องจากธุรกิจแบบนี้มีรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นทางเราจึงขอนำเสนออย่างละเอียดและครบถ้วน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง
- เงินทุน หากพูดถึงเงินทุนในการเปิดร้าน ชาบูเสียบไม้ ก็จะมีหลากหลายสเต็ป หากเป็นร้านข้างทางหรือร้านตามตลาดนัดทั่วไป เงินทุนเริ่มต้นก็จะไม่เกินหลักแสน อาจจะแค่ 2-3 หมื่นด้วยซ้ำ สำหรับร้านเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มต้น และใช้พื้นที่ของตัวเองที่มีอยู่แล้วโดยไม่ต้องเช่าในการเปิดร้าน หรือถ้าเป็นร้านใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ นั่นคือร้านที่มีที่นั่งสำหรับลูกค้าพร้อม เงินทุนเริ่มต้นก็อาจจะหบักแสน อยู่ที่ 1-2 แสน เนื่องจากจะต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์สำหรับการตกแต่งร้านให้น่านั่ง ซื้อโต๊ะ เก้าอี้เพื่ออำนวยความสะดวก และให้ที่นั่งเพียงพอแก่จำนวนลูกค้าแล้วยังต้องมีเงินหมุนเวียนในการซื้อวัตถุดิบ และต้องมีเงินสำรองที่จำเป็นจะต้องใช้ในแต่ละวันอีกด้วย ยิ่งถ้าเป็นร้านขนาดใหญ่และหรูหรา อย่างร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้วนั้น เงินทุนเริ่มต้นน่าจะอยู่ที่หลักล้านเลยทีเดียว เนื่องจากจะต้องมีค่าเช่าที่สุดแสนจะแพงเข้ามาเพิ่มจากรายจ่ายอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นควรวางแผนให้ดีว่าจะทำร้านแบบไหน ให้เหมาะกับเงินทุนของเรามากที่สุด มีน้อยก็ทำน้อยๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ขยายก็ได้ หรือใครที่มีเงินทุนหนาก็สามารถวางแผนเองได้เลย โดยหลักๆ ให้แบ่งงบประมาณออกเป็นสัดส่วน ไม่เอามารวมกันจนเกิดความสับสน โดยแบ่งออกเป็นงบประมาณสำหรับวัตถุดิบในแต่ละวัน งบประมาณสำหรับอุปกรณ์ งบประมาณสำหรับส่วนผสมต่างๆ ที่สำคัญที่สุดคือเงินสำรองจะต้องมีอยู่ไม่ขาดมือ เนื่องจากหากร้านเกิดปัญหาขึ้นมา ตัวเงินจะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดกว่าปัจจัยอื่นๆ แน่นอน
- กำไรจากการขาย ชาบูเสียบไม้ แน่นอนว่าการค้าขายถือเป็นอาชีพที่มีรายรับที่ไม่แน่นอนที่สุดแล้ว เนื่องจากบางวันขายดี บางวันขายไม่ดีหรือขายไม่ได้เลยก็มี ดังนั้นการคาดหวังกำไรจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยทั่วไปแล้วร้าน ชาบูเสียบไม้ เล็กๆ จะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 500-100 บาทต่อวัน โดยกำไรที่ได้จะขึ้นอยู่กับยอดขายของแต่ละวัน ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างเช่น ทำเลที่ตั้งเหมาะสม ไม่อยู่ในมุมอับหรือไม่ใช่ทางผ่าน รสชาติความอร่อยของตัวน้ำซุปของทางร้าน คุณภาพวัตถุดิบ ความสด ใหม่ ความสะอาด ที่จะต้องคำนึงถึง ความหลากหลายของสินค้าเพื่อที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย ความเหมาะสมของภาชนะที่เลือกใช้ เพื่อให้การทานอาหารเป็นไปได้อย่างสะดวกและถูกใจลูกค้ามากที่สุด ความรวดเร็วในการปรุง ไม่ให้ลูกค้ารอสินค้านานจนเกินไปจนเกิดควาไม่พอใจ ไปจนถึงความมีจรรยาบรรณของแม่ค้า รู้จักให้บริการลูกค้าด้วยความเต็มใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไรเพราะ ไม่พูดล้อเล่นกับลูกค้ามากเกินไป มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เป็นต้น